มีนาคม 19, 2024

เทศบาลตำบลสันทรายงาม แก้ปัญหาขยะล้นชุมชน เปิดแผนแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า

เทศบาลตำบลสันทรายงาม อ.เทิง  จังหวัดเชียงราย มีโครงการบริหารจัดการขยะมูลแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า  โดยมีแผนเปิดโรงงานขยะแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า9.9 เมกกะวัตต์ มูลค่า2,000ล้านบาท

เรื่องขยะล้นเมือง   ทิ้งขยะในที่ห้ามทิ้งยังเป็นปัญหาใหญ่ในบ้านเรา  และอาจจะทวีเพิ่มพูนขึ้นหากไม่รีบแก้ไขเยียวยาให้ถูกทาง   เช่นเดียวกับกรณีปัญหาการทิ้งขยะของชาวบ้านในตำบลสันทรายงาม  อ.เทิง จ.เชียงราย   ที่นี้มีปัญหาการทิ้งขยะอย่างหนักหน่วง  โดยเฉพาะการแอบทิ้งขยะในเขตอนุรักษ์ป่าพื้นที 1,000 กว่าไร่ ในหมู่บ้าน3บ้านชวา ตำบลสันทรายงาม  และการแอบทิ้งขยะของชาวบ้านตลอดริมแม่น้ำอิงตลอดแนว

ปัญหาเรื่องขยะผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์  นายประสิทธิ์  พิลาวุฒิ  นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันทรายงาม   อ.เทิง  จังหวัดเชียงราย  เปิดเผยว่า    เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของตำบลสันทรายงามใน7 หมู่บ้าน  ที่มีประชากรกว่า 4,233 คน จำนวน 1,439 ครัวเรือน  เนื่องจากเป็นเทศบาลขนาดเล็กขาดงบสนับสนุน   การจัดการขยะชาวบ้านจะต้องจัดการกันเองจะเป็นรูปแบบฝัง เผาตามหัวไร่ปลายนา

          การแก้ปัญหาระยะยาว  เทศบาลตำบลสันทรายงาม  มีโครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยโดยการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า  แก้ปัญหาขยะล้นในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง  มีแผนเปิดโรงงานขยะแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า9.9 เมกกะวัตต์ มูลค่า2,000ล้านบาท ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐ25ปี จ่ายการลงทุนเต็มร้อยเปอร์เซ็น  จากสำรวจความติดเห็นชาวบ้านในพื้นที่ 7 หมู่บ้านเห็นด้วย   ผ่านด้วยคะแนน 85.4 %

 ทั้งนี้ได้สำรวจความติดเห็นชาวบ้านในพื้นที่ 7 หมู่บ้าน การรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ผลการรับฟังประชาชนในพื้นที่  7 หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่บ้านสันทรายมูล  บ้านใหม่สันทราย  หมู่7  บ้านขวาหมู่ 2  บ้านสันทรายงามหมู่2   บ้านสันทรายทองหมู่ 6  บ้านหนองบัวหมู่5   บ้านหนองสามัคคี  หมู่4    หลังจากสำรวจความคิดเห็นแล้วยังจำต้อง  เข้าสู่ขบวนการต่างๆ  อีกหลายขั้นตอน  ไม่สามารถจัดสร้างได้ทันทีคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี

         สำหรับโครงการฯจะมีการ ดำเนินการเป็นศูนย์บริหารจัดการขยะแบบครบวงจรโดยใช้เทคโนโลยีกำจัดแบบเผาตรงที่ถูกลักษณะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  รองรับปริมาณขยะสูงสุด500-700 ตันต่อวัน  ไม่มีขยะมูลฝอยตกค้าง แก้ปัญหาขยะมูลฝอยในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมีประสิทธิภาพ

               เป็นโรงงานเผาแบบปิดไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  องค์กรส่วนท้องถิ่นนำเข้ากำจัด ใช้ขยะในชุมชนเป็นเชื้อเพลิง  และสามารถนำขยะเก่าฝังกลบ   ขยะขององค์การบริหารต่างๆเสริมได้พื้นที่ของโรงงาน 30ไร่ เป็นบ่อน้ำ  25  ไร่  พื้นที่สีเขียว 10  ไร่  และที่พักคนงานถนน อีก 15 ไร่

            สำหรับข้อดีของโครงการ ต่อชาวบ้าน เกิดการจ้างงาน เกิดรายได้ เกิดการหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ เทศบาล เก็บภาษีท้องถิ่น ภาษีที่ดิน ภาษี VAT ได้เพิ่มมากขึ้น สามารถนำมาพัฒนา ใช้ในตำบลสันทรายงาม มีกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ในตำบลสันทรายงาม ชุมชมสามารถนำเงินกองทุนมาใช้พัฒนาพื้นที่ได้ขี้เถ้าหนักของโรงไฟฟ้าขยะ สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของปูนซิเมนต์ ในการทำอิฐบล็อก, ทำถนนได้

         ส่วนกรณีมีผู้มาคัดค้านต่อต้านโครงการเพราะหวั่นว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้น    ทางคณะกรรมการโครงการจะมีการจัดกลุ่มเสวนา  เชิญแกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านเพื่อมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะ  แต่ยังถูกปฏิเสธไม่ร่วมพูดคุยอยู่ในขณะนี้

        ส่วนประเด็นข้อสงสัยที่กลุ่มคัดค้าน ไม่ให้เปิดโรงเผาขยะแปรรูปเป็นไฟฟ้านั่น  โรงงานไฟฟ้ามีระบบการจัดการที่ดี มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นระบบปิด ปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการขนย้ายขยะเข้ามาในชุมชน รถขนขยะซึ่งมีประมาณ 20 กว่าคันต่อวัน จะมีการคลุมผ้าใบมิดชิด จะไม่ให้มีกลิ่นและของเสียหลุดรอดออกจากตัวรถสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้าน และจัดเวลาเข้าออก ไม่ให้เข้าออกในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนในโรงงานไฟฟ้ามีความมิดชิด มีระบบกรองฝุ่นละอองและควันเสียจากโรงงานหลายขั้นตอน จนสุดท้ายจะมีเพียงไอน้ำที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ส่วนน้ำเสียจากขยะ จะมีบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่ให้ปล่อยออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นระบบปิดทั้งหมด และใช้หมุนเวียนภายในโรงงาน

ส่วนที่กังวลเรื่องความร้อนจากการเผาอาจจะส่งผลกระทบต่อพืชผลการเกษตรนั้น ตนคิดว่าไม่น่ามีผลกระทบ เพราะพื้นที่โรงงานมีประมาณ 80-100 ไร่ ตัวโรงงานมีขนาด 25 ไร่

นอกนั้นจะเป็นพื้นที่โดยรอบ แถมโรงงานมีระบบความคุมอุณหภูมิ ความร้อนจากการเผาจะไม่มีผลกับพืชผลการเกษตรแน่นอน และที่หน้าโรงงานและเทศบาลจะมีการติดตั้งจอมอนิเตอร์แสดงค่ามลพิษ ทั้งทางอากาศ น้ำ และอื่นๆ โดยข้อมูลดังกล่าวก็จะขึ้นแสดงที่กรมควบคุมมลพิษด้วย หากชาวบ้านเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่นำเสนอ ก็สามารถร้องเรียนได้ที่เทศบาล อำเภอ และจังหวัด ตามลำดับ