มีนาคม 29, 2024

ป.ป.ส.บูรณาการหน่วยงานปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติด จับกุมรถพยาบาลฉุกเฉิน (AMBULANCE) ลำเลียงยาเสพติด

ป.ป.ส.บูรณาการหน่วยงานปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติด จับกุมรถพยาบาลฉุกเฉิน (AMBULANCE) ลำเลียงยาเสพติดและรับตัวผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับจาก ป.ป.ส.เมียนมา


วันที่ 12 กันยายน2561 เวลา 15.00 น. ณ สำนักงาน ปปส.ภาค 5 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ. 5 พล.ต. จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พ.ต.ท.สมพร ชื่นโกมล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ นพ.วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 คดี ดังนี้


คดีที่ 1 การจับกุมรถพยาบาลฉุกเฉิน (AMBULANCE) ลำเลียงยาเสพติด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2561 เวลา 19.30 น. สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5(ศอ.ปส.ภ.5) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 (บก.สส.ภ.5) และกองกำลังผาเมือง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 7 ราย ประกอบด้วย
1. นายตะวัน หรือดุ่ย โพธิ์อุไร อายุ 22 ปี ที่อยู่ 25/3 ม.5 ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
2. นายศุภชัย หรือนนท์ ขาวจันทร์ อายุ 22 ปี ที่อยู่ 99/995 ม.3 ต.ลำพักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
3. นายชาญชัย หรือแฟล็ต เพชรพราว อายุ 21 ปีที่อยู่ 12 ม.6 ต.ลาดพิรส อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
4. นายวิสันต์ น้ำเต้าทอง อายุ 43 ปี ที่อยู่ 18/2 ม.3 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
5. นางสาวสุธิมา หรือหนู ชัยมูล อายุ 26 ปี ที่อยู่ 37/1760 ม.4 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
6. นายกำพล หรือบอม ชัยหัง อายุ 28 ปี ที่อยู่ 167/2 ม.14 ต.หนองจอก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
7. นายเค้ก พรรณทวี อายุ 29 ปี ที่อยู่ 43 ม.8 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา


พร้อมของกลาง ไอซ์ 398 กก. บรรจุในถุงชาสีเขียวอ่อนถุงละ 1 กก. และเคตามีน 80กก. บรรจุในถุงชาสีเขียวเข้มถุงละ 1 กก. พร้อมด้วยอาวุธปืน 2 กระบอก รถยนต์ 3 คัน เกิดเหตุที่ ม.2 ต.ดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้
จ.พะเยา ต่อเนื่องด่านตรวจแม่ต๋ำ ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา และด่านตรวจท่าก๊อ ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
พฤติการณ์แห่งคดี สำนักงาน ป.ป.ส. โดย ปปส.ภาค 5และสำนักปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับ กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายนายอภิวิชญ์ สอาดดี ฉายาอาร์ต ต่ำเอี่ยว อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่า พื้นที่อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลบหนีไปเคลื่อนไหวสั่งการค้าและลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ด้านฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนกระทั่งสืบทราบว่าเครือข่ายนี้มีพฤติการณ์ใช้รถตู้ดัดแปลงเป็นรถพยาบาลฉุกเฉิน (AMBULANCE) เป็นพาหนะในการขนลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือลงไปพื้นที่ภาคกลาง เพื่ออำพรางและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง พบข้อมูลว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวมีรถตู้พยาบาลฉุกเฉินติดป้ายทะเบียน ฮง-3269กทม. ซึ่งได้ทำช่องลับไว้เพื่อซุกซ่อนลำเลียงยาเสพติด จึงได้จัดชุดเฝ้าติดตาม

จนวันที่ 8 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 18.00 น. พบรถตู้คันดังกล่าวขับผ่านด่าน ทับคล้อ จ.พิจิตร และในวันที่ 9 กันยายน 2561 เวลาประมาณ 14.50 น. ได้ขับผ่านด่านถ้ำปลา มุ่งหน้าไป อ.แม่สาย เจ้าหน้าที่ได้สะกดรอยติดตามพบว่ารถตู้คันดังกล่าวได้ขับไปพบรถยนต์อีก 2 คัน คือรถพยาบาลฉุกเฉินติดป้ายทะเบียน ฮท-3632 กทม. และรถยนต์โตโยต้า ยาริส ติดป้ายทะเบียน กจ-5948 อุทัยธานี ที่บริเวณตึกแถวที่ ม.6 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ประมาณ 15 นาที รถยนต์ทั้ง 3 คันจึงขับออกจากบริเวณตึกแถว โดยรถพยาบาลฉุกเฉิน ทะเบียน ฮท-3632กทม. ได้ขับนำรถพยาบาลฉุกเฉิน ทะเบียน ฮง-3836 กทม. มุ่งหน้าไปทาง อ.เมือง จ.พะเยา จนเวลาประมาณ 19.00น. ได้ขับถึงด่านตรวจแม่ต๋ำ เจ้าหน้าชุดปฏิบัติการได้ประสานด่านตรวจให้เรียกตรวจค้นรถพยาบาลฉุกเฉินทั้ง 2 คัน เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉิน ทะเบียน ฮง-3836 กทม. ซึ่งวิ่งตามหลังรถพยาบาลฉุกเฉินทะเบียน ฮท-3632 กทม. ประมาณ 50 เมตร เห็นด่านตรวจเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินคันหน้า จึงได้กลับรถวิ่งสวนทางจราจร โดยรถที่สัญจรมาได้หลีกทางให้เพราะเข้าใจว่ามีเหตุฉุกเฉิน รถตู้พยาบาลฉุกเฉินดังกล่าวได้ขับเลี้ยวหนีไปทาง อ.ดอกคำใต้ ชุดปฏิบัติการได้ขับติดตามไป พบว่าคนในรถตู้ได้โยนสิ่งของทิ้งจากตัวรถตลอดเส้นทางที่หลบหนี จนรถเสียหลักขับไปชนรั้วบ้านในพื้นที่ ม.2 ต.ดอกคำใต้ คนในรถ 3 คนได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมไว้ได้ทั้ง นายตะวัน นายศุภชัย และนายชาญชัย (ผู้ต้องหาที่ 1-3) โดยผู้ต้องหาที่ 1 เป็นคนขับรถ ตรวจค้นในรถพบไอซ์ 398 ถุง และคีตามีน 60 ถุง อาวุธปืน 9 มม. 1 กระบอก กระสุน 9นัด และได้ประสานตำรวจท้องที่ค้นหายาเสพติดที่ผู้ต้องหาที่ 2 และที่3 รับว่าได้โยนทิ้งระหว่างทางที่หลบหนี พบคีตามีนอีก 15ถุง
ผลการตรวจค้นรถพยาบาลฉุกเฉิน ทะเบียน ฮท-3632 กทม. ที่ด่านตรวจแม่ต๋ำ มีนายวสันต์ ผู้ต้องหาที่ 4 เป็นคนขับ นางสาวสุธิมา ผู้ต้องหาที่ 5 นั่งโดยสาร พบอาวุธปืนพก 9 มม. 1 กระบอกพร้อมกระสุน 14 นัด และจับกุมนายกำพล (ผู้ต้องหาที่ 6) นายเค้ก (ผู้ต้องหาที่ 7) ผู้ขับและโดยสารรถยนต์โตโยต้า ยาริส ทะเบียน กจ-5948 อุทัยธานี ได้ที่ด่านตรวจท่าก๊อ จ.เชียงราย

 

คดีที่2 จับกุมนักค้ายาเสพติดที่หลบหนีหมายจับไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 เวลา 17.00 น. สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จับกุมตัวนายเจริญ หรือก้อ เกียรติพรพาณิช ผู้ต้องหาในคดีกระทำผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามหมายจับศาลอาญาที่10/2560 ลงวันที่13 มกราคม 2560 ซึ่งได้หลบหนีหมายจับไปอยู่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จับกุมที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย อ.แม่สาย จ.เชียงราย
การจับกุมครั้งนี้เกิดจากการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และ CCDAC เมียนมา โดยร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคลตามหมายจับในคดียาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่ง CCDAC ได้จับกุมและส่งตัวนายเจริญที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ผ่านช่องทางสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1

พฤติการณ์แห่งคดี วันที่12 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเจ้าพนักงานป.ป.ส. สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน คือ

1. นายยุทธ จันแก้ว อายุ 60 ปี
2. นายศักยศรณ์ บุญทรัพย์ทวีกุล หรือ ประดิษฐ์ จันแปงเงิน อายุ 57 ปี
3. นายเพ็ชร มังคลาด อายุ 60 ปี
4. นายวิชิต เทพอำ อายุ 31 ปี
พร้อมของกลางไอซ์ น้ำหนักประมาณ 20 กก. เหตุเกิดที่ห้องพักเลขที่ 1763 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์
ถ.รัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ต่อเนื่องห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีรัชดา และย่านถนนราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี และในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลอาญาได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีก 2 คน คือ
1. นายนรินทร์ จันทร์บำรุง
2. นายนริศร วัชรีนันท์
ต่อมาวันที่9 กรกฎาคม 2559 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับพัน สห.สน.บก.ทท. จับกุมนายนรินทร์และ นายนริศรได้ที่บ้านเลขที่ 555/13 หมู่บ้านคณาสิริ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายเจริญ หรือก้อ เกียรติพรพานิช ตามหมายจับศาลอาญาที่ 10/2560 ลงวันที่ 13 มกราคม2561ในข้อหากระทำความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งนายเจริญได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสาน CCDAC ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ร่วมสืบสวนติดตามจับกุมนายเจริญ เกียรติพรพานิช จนกระทั่งวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ CCDAC ท่าขี้เหล็ก ว่าได้จับกุมตัวนายเจริญได้พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน ๗ เครื่อง ธนบัตรไทยจำนวน 4.2 ล้านบาท ทองรูปพรรณหลายรายการ รวมน้ำหนักประมาณ 384 กรัม ธนบัตรเมียนมา จำนวน 8.45 ล้านจ๊าต รถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด1คัน จับกุมได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านต่อก้อ (ใน) เมืองเวียงแก้ว จังหวัดท่าขี้เหล็ก และได้ดำเนินคดีตามกฎหมายเมียนมา 3 ข้อหา คือ หลบหนีเข้าเมือง ครอบครองเงินสกุลต่างประเทศเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้รถยนต์โดยไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอรับตัวนายเจริญมาดำเนินตามหมายจับในประเทศไทยเมื่อครบกำหนดรับโทษความผิดในประเทศเมียนมา

ต่อมาวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานจาก CCDAC ท่าขี้เหล็กว่า นายเจริญ ได้พ้นโทษตามกฎหมายเมียนมาแล้ว โดยจะปล่อยตัวและผลักดันกลับประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตม.เชียงราย และ บช.ปส. จึงประสานขอรับตัวนายเจริญมาดำเนินคดีตามกฎหมายไทย โดย ตม.เชียงรายได้แจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับนายเจริญในความผิดฐานไม่เข้าออกตามช่องทางผ่านแดน และสำนักงาน ป.ป.ส. ได้แจ้งข้อหาจับกุมนายเจริญตามหมายจับ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่าความสำเร็จในการจับกุมนายเจริญ เกียรติพรพานิช เกิดจากการยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดระหว่างไทยกับเมียนมาตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งทางการไทยได้ส่งหมายจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนีไปอยู่ในเมียนมา ให้ทางการเมียนมาดำเนินการจับกุมส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ส. ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของเป้าหมายกับ CCDAC จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยที่หลบหนีหมายจับไปเคลื่อนไหวค้ายาเสพติดที่ จ.ท่าขี้เหล็กได้แล้ว หลายราย ซึ่งนายเจริญเป็นรายแรกที่ครบกำหนดการรับโทษในความผิดที่กระทำในเมียนมาและถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีตามหมายจับของประเทศไทย
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้พลิกแพลงวิธีการลำเลียงซุกซ่อนยาเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่ เช่นในคดีรถพยาบาลฉุกเฉินที่สามารถจับกุมได้ในครั้งนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปราม แต่ทุกหน่วยงานก็สามารถร่วมมือกันปฏิบัติจนประสบความสำเร็จได้ ซึ่งในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมที่จะเชื่อมประสานการดำเนินงานร่วมกับทุกหน่วย ให้สามารถหยุดยั้งกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเพื่อสร้างสังคมไทยให้ปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล

ภาพข่าว/ตำรวจภาค5/หมานักข่าว